“แพทย์…ผู้ประเสริฐ”
แพทย์ผู้ประเสริฐที่ผมจะนำมาเล่าให้คุณฟังวันนี้ ทรงนามว่าพระเยซู พระองค์ถือกำเนิดเกิดมาในโลกนี้เมื่อประมาณ 2,000 กว่าปีมาแล้ว เป็นคนยิว พระองค์เองไม่เคยเรียนรู้วิชาเกี่ยวกับแพทย์และการรักษาโรคเลย แต่ทรงเมตตารักษาคนเจ็บป่วยทั้งหลายโดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ผู้ที่ได้รับการรักษาเพียงแค่คำตรัสและทรงสัมผัสเท่านั้น ความเจ็บป่วยตลอดจนคนตาบอดคนพิการก็หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ทั้งสิ้น ทรงรักษาแม้แต่คนตายได้กลับฟื้นคืนชีวิตได้อีกครั้งอย่างอัศจรรย์หลายต่อหลายครั้ง ต่อหน้าผู้คนจำนวนนับพัน เพราะเหตุนี้พระองค์จึงทรงเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐเหนือแพทย์ทั้งหลายในโลกนี้
เรื่องราวชีวประวัติตลอดระยะเวลา 30 กว่าปีที่ทรงอยู่ในโลกนี้ มีบันทึกเรื่องราวของพระเยซูไว้ในพระคัมภีร์ ที่เรียกว่า “พระกิตติคุณทั้งสี่” ไว้โดยละเอียดโดยเน้นพระราชกิจในช่วง 3 ปีสุดท้ายของพระองค์ ซึ่งปรากฏหลักฐานอยู่ในพระธรรมมัทธิว 4:23-24 “พระเยซูได้เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า และทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บของชาวเมืองให้หาย กิตติศัพท์ของพระองค์ก็เลื่องลือไปทั่วประเทศซีเรีย เขาจึงพาคนป่วยเป็นโรคต่างๆ คนที่ทนทุกข์เวทนา คนผีเข้า คนเป็นลมบ้าหมูและคนเป็นอัมพาตมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงรักษาเขาให้หาย”
กิตติศัพท์เกี่ยวกับคำสอนและการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระเยซูที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถกระทำได้นั้นได้เล่าลือไปถึงบรรดาผู้นำศาสนายิว ผู้มีอิทธิพลทางศาสนาในขณะนั้น ต่างก็ไม่พอใจอย่างยิ่งที่นับวันผู้คนก็ยิ่งหันมาศรัทธาพระเยซูมากขึ้น พวกเขาจึงอยากจะกำจัดพระองค์อย่างเงียบๆ เมื่อสบโอกาสพวกเขาก็จับพระเยซูไปมอบให้ปอนทิอัสปีลาต เจ้าเมืองที่โรมส่งมาปกครองคนยิวอยู่ในเวลานั้น โดยอ้างว่าพระเยซูตั้งตัวเป็นกษัตริย์ของชาวยิว เป็นการกระด้างกระเดื่องต่อโรมัน โทษก็ต้องตรึงกางเขนสถานเดียว ปีลาตเห็นว่าพระเยซูไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา จึงตั้งใจจะปล่อยตัวพระเยซู แต่เพราะเกรงกลัวอิทธิพลเหล่าผู้นำศาสนายิวทั้งหลาย ปีลาตจึงต้องยอมตัดสินให้เอาพระเยซูไปตรึงที่กางเขนพร้อมโจรอีก 2 คน
พระศพของพระเยซูถูกนำไปบรรจุไว้ในอุโมงค์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีทางเฝ้าระวังอย่างเข้มแข็ง แต่เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดฝันก็เกิดขึ้น ในวันที่ 3 หลังจากที่พระเยซูสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตาย สร้างความตระหนกตกใจต่อผู้นำศาสนายิวเป็นอย่างยิ่ง พยายามปิดข่าวแต่ข่าวการคืนพระชนม์อย่างมหัศจรรย์ของพระเยซูได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เพราะผู้คนได้พบเห็นการปรากฏของพระเยซูหลายครั้ง และในครั้งนั้นทรงปรากฎต่อคนห้าร้อยคนในคราวเดียวกัน แม้แต่อัครสาวกบางคนก็ยังไม่เชื่อ แต่เมื่อเขาได้สัมผัสกับรอยตะปูที่ฝ่าพระหัตถ์และที่สีข้างที่ถูกแทงด้วยหอก เขาจึงได้เชื่อมั่นคงว่าพระเยซูทรงฟื้นชนม์แล้วจริงๆ หลังจากที่พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์แล้ว พระองค์ได้อยู่กับเหล่าสาวกและผู้เชื่ออีก 40 วัน แล้วทรงเสด็จสู่สวรรค์ท่ามกลางสายตาของผู้ที่ประจักษ์พยานอีกนับร้อย พระคัมภีร์ได้บันทึกเหตุการณ์ตอนนี้ในพระธรรม มาระโก 16:15-20 ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่า “เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคนผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ เขาจะจับงูได้ ถ้าเขากินยาพิษอย่างใด จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา และเขาจะวางมือบนคนไข้คนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค” ครั้นพระเยซูเจ้าตรัสสั่งเขาแล้ว พระเจ้าก็ทรงรับพระองค์ให้ขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า พวกสาวกเหล่านั้นจึงออกไปเทศนาสั่งสอนทุกแห่งทุกตำบล และพระเป็นเจ้าทรงร่วมงานกับเขาและทรงสนับสนุนคำสอนของเขา โดยหมายสำคัญที่ประกอบนั้น”
โดย : อาจารย์อำนวย เรืองชาญ
นักจัดรายการวิทยุ “เพื่อคุณกำลังใจ”
องค์การก้าวไปสู่ความสว่าง