“มาสร้างสังคมที่มีน้ำใจกันเถอะ”
ต้องยอมรับความจริงว่าสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันวันนี้ การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างต่างคนต่างอยู่จะหวังพึ่งใครได้ยาก เพราะไม่ว่าใครก็จะต้องช่วยประคับประคองตัวเองเพื่อความอยู่รอดไว้ก่อน ส่วนการแสดงน้ำใจต่อคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ห่างไกลไปแล้ว อันนี้เป็นเรื่องจริงครับ ถ้าเราจะดู “คลิป” ที่ทยอยออกมาให้เราได้เห็นอยู่เป็นประจำทุกวันนั้น จะเห็นภาพเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ประสบเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ต้องพบกับอันตรายสารพัดรูปแบบ โดยที่มีผู้คนเห็นเหตุการณ์มากมาย แต่ไม่มีใครสักคนแสดงน้ำใจเข้าไปให้ความช่วยเหลือเลยแม้แต่คนเดียว อย่างดีก็แค่ยืนมองแล้วก็เดินหนีไป เพราะกลัวว่าตนจะพลอยได้รับอันตรายไปด้วย
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มาจากความไม่มีน้ำใจที่เราพึงปฏิบัติต่อกัน แนวโน้มในเรื่องของความมีน้ำใจด้งกล่าวนี้ นับวันยิ่งแต่จะหาความมีน้ำใจได้ยากยิ่ง ถ้าเป็นไปตามนี้สังคมมนุษย์ก็คงจะหาความสงบสุขได้ยาก สุดท้ายก็คงจะพบกับความหายนะที่ไม่มีใครรู้จักคำว่า “น้ำใจ” อีกต่อไป
วันนี้ก่อนที่สังคมเราจะขาดไปจากความมีน้ำใจต่อกันดังกล่าวนี้ เราทุกคนต้องช่วยกันปลูกและปลุกจิตสำนึกแห่งความมีน้ำใจของทุกคนให้ตื่นขึ้น แล้วเรียกธรรมชาติของคนมีน้ำใจที่เต็มไปด้วยความเอื้อเฟื้อต่อกันโดยไม่เลือกหน้า ให้กลับมาสู่ชีวิตจิตใจเราอีกครั้งหนึ่ง ความมีน้ำใจดังกล่าวนี้ไม่ลำบากถึงกับจะต้องปลูกหรือสร้างกันใหม่ เพราะโดยธรรมชาติเดิมๆ นั้น น้ำใจที่ว่านี้ก็เคยเป็นส่วนหนึ่งที่พระเจ้าฝังใส่ไว้ในหัวใจของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่เราเพิกเฉยไม่ใส่ใจดูแลและนำมาใช้เท่านั้นเอง ความมีน้ำใจจึงถูกทิ้งไว้ พอนานเข้าก็ถูกกลบไปด้วยความเห็นแก่ตัวเข้ามาทำหน้าที่แทน ความมีน้ำใจจึงหมดความสำคัญไปโดยปริยาย
ก่อนที่จะสายเกินไป ก่อนที่ความมีน้ำใจที่เคยจรรโลงสังคมโลกให้ได้รับความสุขสงบมาเป็นเวลาช้านานนั้น จะถูกความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเข้ามากลบจนทำให้ความมีน้ำใจต้องเหือดหายไปนั้น เราต้องช่วยกันทำความมีน้ำใจอันเป็นตัวตนจริงของมนุษย์ ที่เคยมีความรักและความมีน้ำใจตามแบบของพระเจ้าที่ทรงเนรมิตสร้างมนุษย์ เพื่อจะให้เป็นผู้ครอบครองโลกและจักรวาลนี้ ได้หันกลับมาสู่เส้นทางตามแบบของพระเจ้าอีกครั้ง แล้วความรักและความมีน้ำใจก็จะกลับมาสร้างสังคมแห่งความสงบสุขให้เกิดขึ้นอีกครั้ง
โดย : อาจารย์อำนวย เรืองชาญ
นักจัดรายการวิทยุ “เพื่อคุณกำลังใจ”
องค์การก้าวไปสู่ความสว่าง