“นักสู้ผู้ไม่มีวันแพ้”
ในการแข่งขันวิ่งมาราธอน 10 กิโลเมตร ครั้งหนึ่งมีนักวิ่งหลายร้อยคนได้เข้าร่วมในการแข่งขัน เมื่อได้สัญญาณเริ่มการแข่งขันนักวิ่งทุกคนก็ออกวิ่งมุ่งสู่หลักชัย พอการแข่งขันผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มมีนักวิ่งบางคนหมดแรงจะวิ่งต่อไปไม่ไหว บางคนก็ทยอยออกจากการแข่งขันไป จนในที่สุดการแข่งขันก็ดำเนินมาจนถึงกิโลเมตรสุดท้าย ปรากฎว่ามีนักวิ่งเหลือเกาะกลุ่มประมาณ 7-8 คน พวกเขาก็วิ่งเข้าใกล้เส้นชัย ยังเหลืออีกแค่ 60 เมตรสุดท้าย ท่ามกลางเสียงเชียร์ของบรรดาผู้คนมากมายที่คอยให้กำลังใจ ปรากฎว่ามีนักวิ่งคนหนึ่งสะดุดเท้าของตนเองล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น เขาพยายามที่จะลุกขึ้นเพื่อวิ่งต่อไป แต่น่าเสียดายเท้าของเขาเกิดอาการบาดเจ็บแต่ก็ยังมีใจสู้ และในที่สุดคนอื่นๆ ก็วิ่งไปถึงเส้นชัยจนหมดแต่นักวิ่งใจสู้คนนี้ก็ยังไม่ยอมแพ้ เขายังมุ่งหน้ากัดฟันเดินเขยกๆ ต่อไปเพื่อจะเข้าไปถึงเส้นชัยให้ได้ ท่ามกลางเสียงเชียร์และผู้คนที่ปรบมือให้พร้อมส่งเสียงให้กำลังใจดังสนั่น จนกระทั่งเขาเข้าสู่เส้นชัยได้สำเร็จ
ในวันนั้นเขาไม่ได้รับเหรียญใดๆ แต่สิ่งที่เขาได้ก็คือหัวใจของคนที่อยู่ข้างสนามและเสียงเชียร์ที่เขาได้รับมากยิ่งกว่าผู้ชนะที่ได้รับเหรียญทองเสียอีก เช้าวันต่อมาหนังสือพิมพ์ได้ลงข่าวว่า “นักสู้ใจสิงห์ผู้ล้มไปแล้ว แต่ยังลุกขึ้นมุ่งสู่เส้นชัยได้สำเร็จ” ส่วนข่าวเกี่ยวกับนักวิ่งผู้ชนะเข้าเส้นชัยได้นั้น ยังเป็นข่าวที่ไม่ได้รับความสนใจเท่ากับนักสู้ผู้สวมหัวใจสู้แม้จะบาดเจ็บคนนี้เลย
เราก็เหมือนนักวิ่งสู้ชีวิตคนหนึ่ง เป็นนักสู้ที่มีระยะทางอันยาวไกล สู้บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามอุปสรรคสารพัด บ่อยครั้งที่เราล้มแล้วลุกขึ้นสู้ หลายครั้งที่เราท้อแต่ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่นั้นล้มแล้วต้องลุกและต้องก้าวเดินต่อไป บางครั้งเราเจอวิกฤติที่หนักหน่วงจนทำให้เราล้มเหลว แต่เราต้องก้าวไปข้างหน้าเสมอ โดยการช่วยเหลือของพระเยซูคริสต์ พระองค์จะคอยประคับประคองชีวิตแห่งการก้าวเดินของเราให้ไปสู่ชัยชนะได้
“ถ้าเจ้าท้อใจในวันเคราะห์ร้าย กำลังของเจ้าก็น้อย” (สุภาษิต 24:10)
“พระเจ้าทรงชูทุกคนที่กำลังจะล้มลง และทรงยกทุกคนที่โน้มตัวลงให้ลุกขึ้น” (สดุดี 145:14)
“อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร” (กาลาเทีย 6:9)
โดย: อาจารย์อำนวย เรืองชาญ
นักจัดรายการวิทยุ “เพื่อคุณกำลังใจ” และ “บ้านนี้มีรัก”
องค์การก้าวไปสู่ความสว่าง