“ทำให้ชีวิตช้าลง”

ผมได้หนังสือที่เขียนจากประสบการณ์ชีวิตของสุภาพสตรีคนหนึ่ง ที่เคยจริงจังกับการดำเนินชีวิต ด้วยความรวดเร็วว่องไว และเร่งรัดประหยัดเวลา ซึ่งเธอคิดว่า เป็นวิธีที่ถูกต้องและเป็นสูตรสำเร็จในชีวิต

แต่พอเธอเริ่มเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เธอก็ได้พบกับความจริงอีกด้านหนึ่งที่เธอไม่เคยคิดมาก่อน นั่นก็คือ การทำชีวิตให้ช้าลงต่างหากที่จะเป็นสูตรสำเร็จและมีความสุขในชีวิต แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าความจริงจังและรวดเร็วที่เธอเคยทำไม่ใช่สิ่งผิดที่จะนำมาใช้ได้ แต่คนที่จะทำได้ก็ต้องเป็นคนที่สามารถ ควบคุมความจริงจัง และความรวดเร็วให้ได้ เพราะมีความเสี่ยงในหลายปัจจัย ต่อความผิดพลาดมากมาย

แต่วันนี้สุภาพสตรีผู้นี้ ได้พบว่า การทำชีวิตให้ช้าลง ด้วยการดำเนินชีวิตอย่างสบายๆนั้น กลับช่วยให้ชีวิตมีความสุขได้มากกว่า เพราะเมื่อชีวิตช้าลง โอกาสที่เราจะปรับตัวปรับใจไปกับการดิ้นรนสู้ชีวิต อย่างเอาจริงเอาจังตลอดเวลานั้น ทำให้เราได้มีเวลาพักผ่อนคลายความวิตกกังวล ตลอดจนความเครียดไปได้มาก แต่ถ้าเราต้องดิ้นรนอยู่ตลอด เราจะไม่มีเวลาที่จะพักผ่อนหรือปรับตัวได้เลย

ผมเห็นด้วยกับการที่เราจะต้องทำชีวิตให้ช้าลง ไม่ต้องเร่งรีบจนเกินไป ทำชีวิตให้ช้าลงและดำเนินชีวิตอย่างสบายๆราบเรียบ เพราะการใช้ชีวิตที่เร่งรัดเร่งรีบจนเกินไป ในบางครั้งความผิดพลาดจะเกิดขึ้นได้ง่าย ซึ่งเป็นการบั่นทอนชีวิตโดยไม่จำเป็น อยากจะให้เข้าใจว่า ชีวิตเราแต่ละคนนั้น ยังจะต้องเดินทางไปอีกยาวไกล เรายังมีเวลาและโอกาส ที่จะจัดสรรเวลาในการดำเนินชีวิต ทั้งส่วนตัวและหน้าที่การงานได้อย่างเต็มที่

เธอผู้นี้ยังได้สรุปถึงหนทางในการดำเนินชีวิตให้ช้าลง และให้ชีวิตเป็นไปอย่างราบเรียบสบายๆ ที่ไม่เหมือนเช่น บางคนที่ดิ้นรนแสวงหาสิ่งที่เกินต่อความจำเป็น ครั้นพอไม่ได้ดังหวัง ก็เกิดความทุกข์ตามมา เธอบอกไว้ดังนี้ครับ “การบอกลาความเร่งรีบ ทำให้ชีวิตเลิกร้อนรนไปโดยปริยาย และชีวิตแบบเรียบง่าย ก็นำคุณภาพที่ดีกลับคืนมาสู่ตัวเธอ เมื่อชีวิตไม่ซับซ้อนความสับสนก็ไม่มี ความสุขก็เกิดขึ้น วิถีชีวิตก็สามารถฝันฝ่าอุปสรรคในแต่ละวันได้อย่างราบรื่น ”

วันนี้ก็คงต้องคิดแล้วละครับว่า การดิ้นรนเพื่อแสวงหาและได้มาซึ่งทรัพย์สมบัติสิ่งของนอกกายนั้น เมื่อเทียบกับชีวิตเรียบง่าย มีน้อยใช้น้อย ตลอดจนความสุขที่เราหาได้ง่ายๆ อะไรจะทำให้เรามีความสุขในวันต่อวันได้

พระเยซูคริสต์ทรงยกอุทาหรณ์ สอนเราในเรื่องนี้ว่า มีเศรษฐีคนหนึ่งทำงานหนักเหนื่อยยาก กว่าจะร่ำรวยมหาศาล และเกินความจำเป็นต่อชีวิต แล้วเศรษฐีก็บอกกับตัวเองว่า “วันนี้เราจะกินดื่มให้คุ้มกับความร่ำรวยที่มีอยู่..” แต่พระเจ้าบอกกับเขาว่า คืนนี้ชีวิตเขาจะรับเอาไปจากโลกนี้แล้ว.. ส่วนทรัพย์สมบัติที่เขามีอยู่จะเป็นของใคร? ตรงกับ

พระวจนะตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “หากท่านได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตจะเป็นประโยชน์อะไร” จงต้องเลือกแล้วว่า..เราจะดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย แล้วมีความสุข หรือดิ้นรนจนชีวิตสับสนอยู่ต่อไป

โดย : อาจารย์อำนวย เรืองชาญ

นักจัดรายการวิทยุ “เพื่อคุณกำลังใจ”

องค์การก้าวไปสู่ความสว่าง