“ถึงจะช้าก็ยังพบความสำเร็จได้”
เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่า คนที่ทำงานได้เร็ว คิดเร็ว ทำเร็ว และสำเร็จเร็ว ย่อมจะเป็นที่ยกย่องจากผู้คนทั่วไป คนทำอะไรๆ ได้เร็วนั้น จะเป็นคนที่มีการวางแผนล่วงหน้าที่ดีรัดกุม มีความพร้อมและมีส่วนประกอบอื่นๆ วางไว้แล้วอย่างสมบูรณ์แบบ งานที่คนนั้นๆ ได้ทำจึงสำเร็จเป็นผลงานออกมาได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนไม่มีที่ติเกิดผลได้จริง แต่ถ้าหากว่าคนนั้นขาดการเตรียมพร้อมรวมทั้งตัวเขาเองก็ขาดประสบการณ์ และขาดการวางแผนที่ดี หากขืนใช้หลักด้วยความต้องการจะทำให้เสร็จเร็วแล้ว ความผิดพลาดและไม่ประสบความสำเร็จล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงอาจจะเกิดขึ้นได้ สรุปแล้วหากทุกคนสามารถทำอะไรได้อย่างรวดเร็วทันใจและทันเวลา ก็เป็นสิ่งที่น่ายกย่องทั้งยังจะเป็นที่พอใจของทุกคนด้วย อันนี้ใครที่อยากจะให้คนทำอะไรๆให้เร็วตามความต้องการของตนแล้ว ก็ควรจะระวังด้วย บางคนทำสำเร็จเร็วแต่ผลงานออกมาแย่ ส่วนบางคนเป็นคนละเอียด ทำเสร็จช้าแต่ผลงานที่ออกมาดีไม่มีที่ติ.. คนสองแบบนี้ เราก็คงต้องเลือกแล้วว่าเราอยากจะให้เสร็จเร็วได้เร็ว แต่ผลงานแย่ หรือที่คุณอยากจะได้ก็คือเสร็จตามเวลาแต่ผลงานแย่ ส่วนอีกคนช้าแต่ผลงานออกมาดี อันนี้คือจะได้ผลงานแต่ไม่ได้ตามเวลาที่ต้องการ ต้องตัดสินว่าจะเอาผลงานดีหรือจะเอาตามเวลาที่คุณต้องการเป็นหลัก
เคยเห็นคนทำงานประเภท “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” จริงๆแล้วบางคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนช้านั้น ไม่ใช่ที่ เขาช้าเพราะความละเอียด รอบคอบในการทำงานที่เขาต้องการผลงานให้ออกมาดีที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลาบ้าง แต่สุดท้ายงานนั้นก็จะออกมาดีไม่มีที่ติ ช่างทาสีบ้านคนหนึ่งที่เลือกเขาให้มาทาสีบ้าน เวลาถามเขาจะตอบคำถามอย่างช้าๆ ทั้งนี้ก็เพราะเขาต้องคิดเพื่อให้คำตอบถูกต้องแน่นอนที่สุด เวลาลงมือทาสี เขาทำไปแล้วหยุดดูความเรียบร้อยความสวยงาม แล้วเขาก็ลงมือต่อทำจนงานเสร็จ ผลที่ได้รับก็คืองานมีความสวยงามเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ แม้จะช้าบ้างแต่ก็เป็นผลงานที่เรียบร้อยพอใจของทั้งสองฝ่าย เพราะบางคนและในบางครั้งก็ต้องใช้เวลา หากเร่งรัดผลงานก็อาจจะออกมาไม่ดีหรือผิดพลาดได้ จะเร่งก็ต้องเร่งในสิ่งในสิ่งที่ควรจะเร่ง และหากจะต้องช้า ก็ควรช้า หากตั้งใจจริงจะช้าเร็วผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน บางทีช้าๆ อาจจะได้พร้าเล่นงามกว่าด้วยซ้ำไป
การที่เราไปเร่งรัดในเรื่องด้วยความหวังดีก็ตาม แต่อาจจะทำให้ส่งผลเสียไปในอีกด้านหนึ่งที่เราคิดไม่ถึงก็ได้ ดังเช่นเพื่อนคนหนึ่งลูกชายขับรถไปงานเลี้ยงรุ่นคืนหนึ่ง เขาห่วงต่อการขับรถกลางคือกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ.. รออยู่จนดึกก็เลยโทรไปเช็คเร่งให้ลูกรีบกลับ..รออยู่พักใหญ่ยังไม่เห็นลูกกลับ เช็คอีกทีลูกประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถอีกคันที่อยู่ข้างหน้า ลูกเขาเป็นฝ่ายผิดเพราะขับรถเร็วและที่ขับเร็วก็เพราะรีบจะกลับบ้าน เพราะกลัวว่าพ่อจะรอ สุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุเพราะความรีบร้อน
จากบทเรียนดังกล่าวนี้ แม้เราผู้เป็นพ่อแม่จะมีความห่วงใยในความปลอดภัยของลูกก็ตาม จะดีกว่าถ้าไม่โทรไปเร่งรีบเขา จนทำให้เกิดความเร่งร้อนจนเกินไป ปล่อยให้เขาขับรถกลับบ้านอย่างสบายๆ ตามปกติจะดีกว่า แล้วเขาก็จะกลับบ้านอย่างปลอดภัย
โดย : อาจารย์อำนวย เรืองชาญ
นักจัดรายการวิทยุ “เพื่อคุณกำลังใจ”
องค์การก้าวไปสู่ความสว่าง