“จะสุขได้อย่างไร.. ถ้าใจยังเกลียดชัง”

ความเกลียดชัง คือตัวการสำคัญที่ทำให้ขาดความสุข ถึงกับบางคนบอกว่าความเกลียดชัง เป็นอาการป่วยทางจิตใจ และเมื่อใจยังมีแต่ความเกลียดเกาะติดแน่นอยู่ ความสุขก็หายไปจากใจ ความเกลียดเกิดขึ้นได้ในทุกรูปแบบ เกลียดเพราะเราไม่ชอบขี้หน้า เกลียดเพราะโกรธ เกลียดเพราะเจ็บ เกลียดเพราะไม่ได้ความเป็นธรรม เกลียดเพราะเขาดีกว่า สารพัดเกลียดที่บรรยายไม่มีจบ ถ้าจะเอาสาเหตุที่มาของความเกลียดมาเขียน เป็นเล่มหนาๆ ก็คงไม่พอต่อความเกลียดอันเกิดจากใจของ “คน”

ความเกลียดมีอยู่สองรูปแบบ คือ ความเกลียดชังขั้นธรรมดา..เป็นความเกลียดแบบเบาๆ ไม่อยากให้เขาได้ดีมีสุขกว่าเรา ต้องการให้เขาตกต่ำ และไม่มีความสุขเท่ากับเรา ส่วนความเกลียดชังขั้นรุนแรงนั้น คือความเกลียดที่ต้องเข้าไปใช้กำลังห้ำหั่นให้อีกฝ่ายด่าวดิ้นสิ้นใจไปต่อหน้าเลยทีเดียว แล้วอีกอย่างนั้น เมื่อเวลาเราเกลียดชังใคร เรามักจะผลักเขาให้ออกห่างจากเราด้วยแรงเกลียดชังนั้น แต่บางครั้ง สำหรับบางคนที่เรารัก เราจะเกลียดไปพร้อมๆกับการยังเหลือเยื้อใยอยู่ก็มี เราอาจเกลียดคนรัก ที่ไม่เห็นคุณค่าของเรา แต่ขณะเดียวกันเราก็ยังรักเขาอยู่ เราอาจจะเกลียดเพื่อนที่พูดจาไม่ดีกับเราในบางครั้ง แต่เราก็ยังต้องการคบเขาอยู่ เราอาจจะเกลียดพ่อแม่ ที่ดุด่าว่ากล่าวด้วยคำพูดที่ไม่ดีในบางครั้ง แต่เราก็ยังคงรักพ่อแม่ นี่คือความเกลียดขั้นธรรมดาที่ไม่รุนแรง

ส่วนความเกลียดในระดับขึ้นรุนแรง ที่ต้องกลายเป็นความโกรธเคียดแค้นนั้น ค่อยข้างอันตรายและน่ากลัว มันไม่หยุดอยู่แค่ทำให้ใจเราไม่มีความสุขเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่การที่ต้องใช้กำลังเข้าจัดการแบบ “ แค้นที่ต้องชำระ ” ถึงขั้นนี้แล้วก็ขอให้รู้ว่า ความเกลียดที่เรามีอยู่ได้พัฒนาไปสู่ความแค้นไปเรียบร้อยแล้ว หากยังปล่อยให้มันค้างคาใจเราอยู่ นั่นก็คือ สัญญาณที่จะนำความตกต่ำและจุดจบของชีวิตรวมทั้งหมดอนาคตไปอย่างไม่ต้องสงสัย

ขอให้เข้าใจว่า เมื่อเรายังมีความเกลียดชังยังอยู่ในใจเรานั้น จิตใจของเราจะยิ่งถูกทำลายลงไปมากกว่าเดิม ผลของความเกลียดชังจะเป็นตัวทำลายหัวจิตหัวใจให้ผุกร่อน และเหม็นเน่า ชีวิตกำลังดำดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง แห่งความมืดมน ยิ่งเกลียดก็ยิ่งเหมือนเติมไฟ เข้าไปสุมในหัวอกมากขึ้นเท่านั้น

ไม่มีความเกลียดชังใดๆ ที่ทำให้เรามีความสุข ดังนั้นต้องรีบจัดการให้พ้นไปจากชีวิตเราโดยเร็ว เรามาดูว่าพระวจนะธรรมของพระเจ้าได้บอกไว้อย่างไร

“ จงให้ใจขมขื่น และใจขัดเคือง และใจโกรธ และการทะเลาะเถียงกัน และการพูดเสียดสี กับการปองร้ายทุกอย่าง อยู่ห่างไกลจากท่านเถิด และท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน และอภัยโทษให้กัน เหมือนดังที่พระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ท่านในพระคริสต์นั้น ” (เอเฟซัส4:31-32)

ถ้าเรามีใจแห่งความรัก ใจแห่งการยกโทษ อภัยให้กันและกัน เหมือนที่พระเจ้าทรงให้แก่เราแล้ว ความเกลียดทั้งหลายจะหายไปจากใจของเรา มอบชีวิตจิตใจไว้ในการทรงนำของพระเจ้า ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปเป็นคนใหม่ ที่มีแต่ใจรัก ไร้ความเกลียดชัง เมื่อนั้นคุณก็จะมีความสุขได้

โดย : อาจารย์อำนวย เรืองชาญ
นักจัดรายการวิทยุ “เพื่อคุณกำลังใจ”
องค์การก้าวไปสู่ความสว่าง