“ข่มตาหลับไม่ลง”
ทุกคนคงเป็นเหมือนกัน คือ เวลาที่เรามีเรื่องทุกข์ร้อนอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล เราจะหลับตานอนไม่ลง เพราะเรื่องต่างๆ เหล่านั้นที่เกิดขึ้นกับเรามันจะคอยรบกวนให้เกิดความวิตกกังวลสารพัดจนกระทั่งข่มตาหลับไม่ลง ต่อให้ง่วงยังไงก็ยังหลับไม่ลงอยู่ดี
สิ่งที่ว่านี้ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคน จนทำให้กลายเป็นปัญหาที่มาของความเครียด นักจิตวิทยาบอกว่าเมื่อเราเข้านอนพอดับไฟทุกอย่างรอบตัวเราจะมีแต่ความมืดและความเงียบ ในเวลานี้เองเป็นจังหวะที่เหมาะต่อภาพแห่งปัญหาทุกข์ร้อนทั้งหลายจะเข้ามาในความคิดของเราได้อย่างชัดเจนกว่าเวลาอื่นได้ และในความชัดเจนดังกล่าวนี้จะย้ำเน้นให้เราเห็นชัดเจนทำให้เกิดสิ่งที่หนักกว่าปกติเพราะปราศจากเสียงรบกวนหรือเสียงแทรกให้เสียสมาธิ ทั้งยังมีความ “เงียบ” เข้ามาช่วย “ความมืด” อีกด้วย ก็ยิ่งเหมือนถูกบังคับให้เราคิดหนักไปในทางเลวร้ายมากกว่าเวลาปกติเสียอีก สุดท้ายก็กลายเป็นคนคิดมากเต็มไปด้วยความวิตกกังวลสารพัด ยิ่งถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งด้วยแล้วความเครียดจะเข้ามาครอบงำได้ง่าย สาเหตุที่ข่มตาหลับไม่ลงอีกอย่างก็คงจะเป็นเพราะคนที่มีความจริงจังต่อชีวิตและการทำงาน มุ่งมั่นตั้งใจต้องการจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความ “สำเร็จ” และด้วยความจริงจังนี้แหละทำให้เกิดความกังวลห่วงใยในสิ่งที่ตนกำลังทำ จนกลายเป็นความวิตกกังวลต่อความผิดพลาดล้มเหลวที่อาจจะเกิดขึ้น ทำให้คิดหนักคิดมากจนกระทั่งเวลาเข้านอนก็ยังข่มตาให้หลับไม่ลง จนทำให้บางคนกลายเป็นโรคนอนไม่หลับไปก็มาก
พระวจนะธรรมคัมภีร์ได้บอกถึงสาเหตุของความเหน็ดเหนื่อยจากความวิตกกังวลต่อสภาวะการดำเนินชีวิตของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น ความยากลำบากทั้งหลายทั้งทางกายและใจ เป็นของคู่กันกับมนุษย์มาตั้งแต่เกิด เริ่มต้นจากมนุษย์คู่แรกที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง ที่หลงผิดไปจากทางของพระเจ้าทำให้เขาตกอยู่ในคำสาปแช่งที่ว่า “พระองค์จึงตรัสแก่อาดัมว่า “เพราะเหตุเจ้าเชื่อฟังคำพูดของภรรยา และกินผลไม้ที่เราห้าม แผ่นดินจึงต้องถูกสาปเพราะตัวเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำบากจนตลอดชีวิต แผ่นดินจะให้ต้นไม้และพืชที่มีหนามแก่เจ้า และเจ้าจะกินพืชต่างๆ ของทุ่งนา เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับเป็นดินไป เพราะเราสร้างเจ้ามาจากดิน เจ้าเป็นผงคลีดิน และจะต้องกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม” (ปฐมกาล 3:17-19)
นี่คือสาเหตุที่มาของความวิตกกังวลสารพัดที่เราได้รับอยู่จนทุกวันนี้ จนกลายเป็นความเครียดข่มตาหลับไม่ลง เพราะหาทางออกจากความทุกข์ยากลำบากเหล่านี้ไม่เจอ
แต่วันนี้ทุกคนไม่ต้องโอดครวญต่อปัญหาที่เราต้องเหน็ดเหนื่อยกับภาระทั้งหลาย ที่ต้องวิตกกังวลและเครียดกับความยากลำบากทั้งหลาย เพราะพระเยซูคริสต์ทรงชี้ทางออกให้กับเราแล้ว นี่จึงเป็นทางเลือกเดียวที่จะพ้นจากความเหนื่อยยากที่มันทำให้เราข่มตาหลับไม่ลงอยู่ในวันนี้ นี่คือคำสัญญาใหม่ของพระเยซูคริสต์ที่ทรงยื่นให้แก่เราทุกคนดังนี้ “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข” (มัทธิว 11:28)
โดย: อาจารย์อำนวย เรืองชาญ
นักจัดรายการวิทยุ “เพื่อคุณกำลังใจ” และ “บ้านนี้มีรัก”
องค์การก้าวไปสู่ความสว่าง